ปัญหาเกี่ยวกับแว่น VR ก็คือพวกมันยังมีหน้าตาที่ดูเหมือนกับแว่นตาสกีไม่มีผิด Panasonic แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับรูปทรงของมันและนั่นไม่ใช่ทั้งหมด พวกเขานำ VR ของตัวเองมาโชว์ในงาน CES ปีนี้ ด้วยการแสดงถึงการปรับปรุงบางอย่าง โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นแว่นตาที่ใส่แล้วอย่างกับหลุดมาจากหนังแนว steampunk ไม่ใช่น้อย

มันดูเป็นแว่นตาและคล่องตัวมากกว่าของแบรนด์อื่น Panasonic ยังมาพร้อมกับการนำเสนอการปรับปรุงทางเทคนิคเหนือปัญหาร้อยแปด เช่น micro OLED ที่ Panasonic ได้พัฒนาร่วมกันโดยกับ Kopin นั้นทำให้มีความละเอียดสูงมากโดยแทบจะไม่มีปัญหาการ screen-door effect ที่เป็นกันเยอะในฮาร์ดแวร์ VR ส่วนใหญ่

พวกเขายังบอกว่ามันเป็นแว่นตา VR ตัวแรกที่ให้การสนับสนุน HDR ซึ่งน่าประทับใจเป็นพิเศษในระหว่างการสาธิต CG ของการตกแต่งภายในของวัดญี่ปุ่นด้วยแสงที่สะท้อนแสงจากการตกแต่งสีทองในแบบที่เรียกได้ว่าสมจริง

Panasonic ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเสียงของตัวเองในชุดหูฟังพร้อม Technics drivers ในหูฟังที่ให้เสียงที่หลากหลายและมีชีวิตชีวา พวกเขายังบอกอีกว่ามันยังใช้การออกแบบแสงจากกล้อง Lumix และเทคโนโลยีการประมวลผลสัญญาณที่คล้ายกันซึ่งพบในทีวีและเครื่องเล่น Blu-ray

จากการบอกต่อของหลายคนที่เข้าชมทดลองใช้บอกว่าเจ้า micro OLED มีขนาดเล็กกว่าที่เคยเป็นมาส่งผลให้ภาพที่ดูกว้างขึ้นด้วยมุมมองที่ต่ำกว่าชุดหูฟัง VR แบบดั้งเดิม แว่นตาก็หนาแค่ด้านหน้าเล็กน้อยและกดจมูกลงทุกครั้งที่เอียงไปข้างหน้า สิ่งนี้อาจจะแย่หน่อยกับผู้เล่นชาว PC

Panasonic ไม่น่าจะขายแว่นตาเหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค แต่จะชี้ไปที่แอปพลิเคชันเชิงพาณิชย์ที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตควบคู่ไปกับการเปิดตัวเครือข่าย 5G เช่นการเดินทางเสมือนจริงและกีฬา VR เหล่านี้บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งให้ความสนใจและกำลังพูดถึงเรื่องนี้มากในปีนี้เนื่องจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในโตเกียวและความจริงที่ว่าบริการ 5G ยังไม่เปิดตัวในประเทศ