สำหรับเกมเมอร์ที่ติดตามวงการมาอย่างยาวนาน น่าจะต้องรู้จักอุปกรณ์ที่เรียกว่า VR กันอยู่แล้ว มันเป็นแว่นและหูฟังสวมหัวหัวที่ทำให้เรารู้สึกได้เหมือนเข้าไปอยู่ในโลกของเกมจริง ๆ สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ในการเล่นเกมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแม้จะผิดแผกไปจากการเล่นเกมแบบปกติ แต่มันก็ช่วยเปิดโลกใหม่ที่เราไม่เคยเจอได้

สมัยก่อนนั้นเครื่อง VR ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการจำลองสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ โดยมีมีการอ้างอิงมาจากงานศิลป์สไตล์ Avant-garde ของฝรั่งเศสในปี 1938 ที่พูดถึงธรรมชาติของบุคคลหนึ่งที่สวมใส่หน้ากากหรือหูฟังที่ทำให้เข้าไปสู่อีกโลกหนึ่งได้ จนกลายมานิยายที่ชื่อว่า Le Theatre et son double ได้รับการตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษในปี 1958 และได้รับความนิยมอย่างมาก

ต่อมานักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาระบบเพื่อจำลองสถานการณ์ให้ผู้ประกอบอาชีพต่างๆ สามารถฝึกซ้อมในสถานการณ์จำเพราะ เช่นการฝึกบิน ผ่าตัด และอีกมากมาย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการสูญเสียทรัพยากรลง ซึ่งหน่วยงานที่ทำงานที่มีความเสี่ยงมากมายเลือกที่จะลงแรงกับการพัฒนาระบบ VR เพื่อการฝึกฝนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง

เทคโนโลยี VR นอกจากจะมีการปรับใช้เพื่อฝึกซ้อมกิจกรรมตามที่กล่าวไปแล้ว มันยังถูกดัดแปลงให้เข้ากับสื่อบันเทิงอื่น ๆ มากมาย เช่นภาพยนตร์ที่ทำให้ผู้ชมรับรู้ถึงสิ่งที่นำเสนอได้ดีขึ้นจากการจำลองภาพสามมิติในหนังจนรู้สึกเหมือนกับจะจับต้องได้ และไม่พูดถึงไม่ได้คือ วิดีโอเกม เพราะการได้เข้าไปอยู่ในโลกของเกมจริงๆ นั้นเป้ฯความฝันของพวกเราเสมอมา และในยุค 90 เราก็เริ่มได้เห็นเกมแบบ VR ออกมาโลดแล่นบ้างแล้ว โดยเริ่มจากร้านเกมอาเคต ให้ผู้เล่นสวมแว่นแล้วยิงศัตรูในโลกเสมือน

หรือเจ้าพ่อแห่งวงการเกมอย่าง Nintendo เองก็เคยลองชิมลางตลาด VR แบบพกพา วางจำหน่ายเครื่อง Virtual Boy ออกมาหวังเขย่าตลาดวงการเกมให้สะเทือน ทว่าก็ไปได้ไม่สวยเพราะขายไม่ออก เนื่องจากการออกแบบที่ไม่เหมาะกับการพกพาแม้แต่น้อย แถมเกมให้เล่นยังน้อยอีกด้วย ทำให้เจ๊งไปอย่างรวดเร็ว

ต่อมาก็มีเหล่าผู้พัฒนาหลายรายยายามผลักดันให้ VR กลายเป็นเครื่องเกมที่ทุกคนสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ เช่น Oculus กับการเริ่มต้นด้วยโปรเจกต์ Kickstarter ที่ประสบความสำเร็จมากมาย จนถูกทาง Facebook ซื้อตัวไปเป็นมูลค่าหลายพันล้าน HTC กับ HTC Vibe มาพร้อมความพรีเมี่ยมหรูหราและสเปกที่น่าสนใจ มีการออกแบบใหม่ให้เล็กลงใช้งานได้ง่ายขึ้น กับ Valve นักพัฒนาเกมดัง ที่เข็น Index แว่นตาพร้อมหูฟัง VR พร้อมพัฒนาเกมใหม่ในจักรวาล Half-Life อย่าง Alyx รอไว้แล้ว

เรียกว่าตอนนี้ตลาด VR เริ่มเป็นที่สนใจขึ้นเรื่อยๆ แม้จะยังไม่ถึงขนาดมาแทนที่เครื่อง PC หรือคอนโซล แต่ก็เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นตามลำดับ พร้อมกับได้รับความสนใจจากผู้พัฒนาเกมอย่างต่อเนื่อง และถ้าหากเกม VR เกมไหนสามารถดึงดูผู้ใช้งานได้มาก การเติบโตก็จะมีขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน

แน่นอนว่าวงการ Esports เองก็ให้ความสนใจเทคโนโลยี VR นี้ไม่น้อย เพราะถ้าหากมีการคัดเลือกเกมที่นำมาแข่งแบบจริงจัง กำหนดกรอบกติกาชัดเจนแบบเกมอื่น ก็สามารถนำมาแข่งขันได้เหมือนกัน เช่น Beat Saber เกม Music Action ฟาดฟันดาบเลเซอร์ตามจังหวะของเพลง Front Defense เกม FPS สไตล์สงครามโลกยิงแข่งเก็บคะแนนหรือสู้กับฝ่ายตรงข้าม เหล่านี้ก็เป็นเกมแบบ VR ที่มีศักยภาพมากพอที่จะใช้แข่งขันไดไม่ยากเลย

ทว่าข้อจำกัดของการผลักดัน VR ให้เป็น Esports นั้นก็คือเรื่องของพื้นที่และอุปกรณ์ เพราะ VR ยังเป็นอะไรที่แพงมากเมื่อเทียบกับการเล่นเกมหรือกีฬาอื่นในปัจจุบัน เทียบกับกีฬาอย่างเช่นฟุตบอลที่ต้องใช้พื้นที่ แต่อุปกรณ์ไม่ต้องแพงก็ได้ กลับกันสำหรับ VR แล้ว หากต้องการซ้อมอย่างเต็มรูปแบบคุณต้องมีทั้งอุปกรณ์ สถานที่ ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เงินไม่น้อย คนที่ไม่มีเงินลงทุนตรงนี้แต่อยากโดดเข้าสู่วงการมันก็จะเป็นเรื่องที่ยากเสียหน่อย

อีกทั้งการแข่งขันเกม VR แบบ Esports เองก็ยังมีจำนวนที่น้อยมากๆ แบบเป็นช่วงตั้งไข่ไม่ให้ล้มเมื่อเทียบกับเกมอื่น จริงอยู่การแข่งขันเกมแบบ VR จะดูน่าตื่นเต้น แต่ข้อจำกัดในเรื่องของผู้ชม สถานที่แข่งขัน นักพากย์ และอีกมากมายก็ยังไม่อาจเทียบเท่ากับเกมแนวอื่นที่เริ่มไปก่อนแล้วหลายปี หากความนิยมยังไม่ดีขึ้น ก็คงจะพัฒนาวงการให้ก้าวไปข้างหน้าได้ยากหากชุมชนผู้เล่นไม่ใหญ่และให้การสนับสนุนมากพอ

แล้วอะไรที่จะให้ผู้คนหันมาสนใจเกม VR ในฐานะเกมแข่งขัน Esports? หากให้เราพูดอย่างเป็นธรรม สิ่งแรกที่ต้องมีคือการสนับสนุนจากผู้พัฒนา อาจจะมีการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้ตัวเกมเป็นไปในทางที่ใช้แข่งขันได้มากขึ้น และชุมชนผู้เล่นให้การตอบรับดี รวมไปถึงตัวของอุปกรณ์เองที่น่าจะต้องใช้เวลามากนี้เสียหน่อยจึงจะอยู่ในจุดที่ผู้คนทั่วไปสามารถหาซื้อมาใช้งานได้อย่างไม่ยากลำบาก

แต่ตอนนี้การลงทุนเสี่ยงเล่นในตลาดเกม VR และผลักดันเป็น Esports ด้วยนั้นยังคงมีหนทางที่มืดมนอยู่ อาจเพราะตัวเกมในแบบ VR เองไม่ได้น่าดึงดูและเข้าถึงได้ง่ายเหมือนเกมมือถือ แถมยังมีข้อจำกัดอีกมากมาย แต่ผู้เขียนเชื่อว่า เมื่อเวลาพร้อม เราจะได้เห็นการแข่งขันเกม VR ที่น่าตื่นเต้น มีผู้เข้าแข่งขันพร้อม ผู้ชมให้การสนับสนุน ภาพการแข่งขันเกมแบบเดียวกับ The International หรือ World Series นั้นจะไม่ใช่ฝันอย่างแน่นอน